แผลเป็น คือ หนึ่งในอุปสรรคของความสวยงามที่สร้างความไม่มั่นใจให้กับหลายๆคน โดยเฉพาะแผลเป็นบนใบหน้า ที่อาจจะเกิดจากอุบัติเหตุใหญ่ หรือความซุ่มซ่ามเล็กๆน้อยๆ ไม่ว่าจะเป็นแผลขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ หากทิ้งร่องรอยจนกลายเป็นแผลเป็นแล้วก็จะต้องใช้เวลาในการรักษาเพื่อให้แผลจางหายไป
แผลเป็นมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับลักษณะของแผลที่แตกต่างออกไป เช่น คีลอยด์ (Keloid) แผลเป็นนูน (Hypertropic scars) แผลลึกบุ๋ม (Depressed scar) แผลเป็นหดรั้ง (Scar Contracture) และแผลเป็นจากสิว (Acne Scar) เป็นต้น ซึ่งแต่ละแบบก็จะมีวิธีการดูแลรักษาที่แตกต่างกันไป ตามปกติแล้วแผลเป็นอาจจะจางลงไปได้เองแต่ต้องใช้ระยะเวลา 1-2 ปีขึ้นไปขึ้นอยู่กับความรุนแรงของแผลด้วย
ปัจจุบันการดูแลรักษาแผลเป็นบนใบหน้านั้น สามารถทำได้หลายวิธีขึ้นอยู่กับลักษณะของแผลเป็น ซึ่งต้องให้แพทย์เป็นผู้ให้คำแนะนำ แพทย์อาจจะใช้วิธีเดียวหรือหลายๆวิธีร่วมกันเพื่อให้ผลออกมาดีที่สุด
ในการรักษาแผลเป็นบนใบหน้าเป็นสิ่งที่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งแพทย์จะแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับลักษณะของแผลเป็น เพื่อให้ได้ประสิทธิผลที่ดีที่สุด และไม่ให้เกิดแผลซ้ำเดิม ถึงแม้ว่าในขณะนี้อาจจะยังไม่มีวิธีใดที่รักษาแผลเป็นได้ถึง 100% แต่หากรักษาอย่างถูกวิธี ต่อเนื่องและเอาใจใส่ ก็จะส่งผลดีต่อแผลเป็น ทำให้แผลจางลงได้มาก พร้อมนำความมั่นใจกลับคืนมาให้กับคุณ
ในการรักษาแผลเป็นบนใบหน้าเป็นสิ่งที่ต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งแพทย์จะแนะนำวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับลักษณะของแผลเป็น เพื่อให้ได้ประสิทธิผลที่ดีที่สุด และไม่ให้เกิดแผลซ้ำเดิม ถึงแม้ว่าในขณะนี้อาจจะยังไม่มีวิธีใดที่รักษาแผลเป็นได้ถึง 100% แต่หากรักษาอย่างถูกวิธี ต่อเนื่องและเอาใจใส่ ก็จะส่งผลดีต่อแผลเป็น ทำให้แผลจางลงได้มาก พร้อมนำความมั่นใจกลับคืนมาให้กับคุณ